พระนิรันตราย ปางทุกรกิริยา หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย (ดาราหนึ่งเดียวในสยาม)

พระนิรันตราย ปางทุกรกิริยา หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย (ดาราหนึ่งเดียวในสยาม)
พระนิรันตราย ปางทุกรกิริยา หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย แกะจากเขี้ยวเสือ องค์พระมีขนาดใหญ่มาก กว้าง 3 ซม. สูง 4.9 ซม. พระพุทธองค์นี้แกะเป็น พระนิรันตราย ปางทุกรกิริยา พุทธศิลปเชิงช่างสมัยรัชกาลที่4-5 พุทธลักษณะพระเศียนไม่มีเกตุมาลา พระศกเป็นเม็ด มีรัศมีเปลวเพลิงอยู่ด้านบน ครองจีวรเฉียงมีริ้ว พระหัตถ์ซ้ายขวายกเสมอพระอุระวางทับซ้อนกัน พระบาทซ้ายวางทับบนพระบาทขวา ประทับนั่งบนฐานบัวสองชั้นรองรับด้วยฐานเขียง สันนิฐานว่าคงจะเป็นการสั่งให้ช่างหลวงแกะพิเศษให้กับบุคคลสำคัญในสมัยนั้นแล้วจึงนำมาให้หลวงพ่อปาน ปลุกเสก หากพิจารรณาจากศิลปเชิงช่างพบว่า การแกะ รอยบุ้ง รอยมีดที่แกะ องศาการแกะความถนัดของช่าง แม้กระทั่งรอยตะไบ เหมือนกับเสือที่แกะโดยช่างชั้นครูตัวดังๆของวงการ
นอกจากความเก่าและศิลป์เชิงช่างแล้ว สิ่งสำคัญที่บ่งบอกว่า พระนิรันตราย ปางทุกรกิริยาองค์นี้เป็นของ หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ยคือ รอยจารลายมือหลวงพ่อาปนที่เป็นตัวชี้ขาดว่า "แท้" จารใต้ฐานครบสูตรทั้ง จาร"อุ" มียันต์กอหญ้า และ จาร "ฤ ฤา" เซียนใหญ่ที่สุดเรื่องเสือหลวงพ่อปาน รวมถึงผู้ใหญ่ในวงการที่ได้เห็นพระองค์นี้ต่างลงความเห็นว่าเป็นของ "หลวงพ่อปาน" และพระองค์นี้เป็นพระองค์เดียวที่ปรากฎ (ส่วนองค์อื่นที่เห็นในตลาดพระในเฟสล้วนเป็นของเลียนแบบขึ้นใหม่ทั้งสิ้น)
พระองค์นี้เป็นดาราในหนังสือพระเครื่องล้ำค่า หน้า 30-31 เล่มที่ 145 ประจำเดือนกันยายน 2557 เขียนโดยศาล มรดกไทย ผู้ซึ่งมีความศรัทธาและเชียวชาญเรื่องเสืออีกท่านหนึ่ง ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ และเป็นดาราในหนังสือเสือสุดยอดตำนานแห่งสยาม หน้า10-11 ***โชว์เท่านั้นเพื่อการศึกษาและสะสม***

กราบบูชาบารมีหลวงพ่อปาน

วิทยา เสือปิดตา (Facebook : วิทยา เสือปิดตา / Line : vitaya-vk)

********************************************************
เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย หรือวัดมงคลโคธาวาส คือ สุดยอดจักพรรดิ์แห่งเครื่องรางอันดับ 1 ของประเทศในชุดเบญจภาคีเครื่องราง “หลวงพ่อปาน” หรือ “พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ" เป็นชาวบางบ่อ ตำบลบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2368 มรณภาพเมื่อ วันที่ 29 สิงหาคม 2453 เสือของท่านดีทางมหาอำนาจ และคงกระพันยอดเยี่ยม หรือจะใช้ในทางเมตตามหานิยม ค้าขายของก็ดี ในปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จไปที่ประตูน้ำคลองด่าน ปรากฏเรื่องที่หลวงพ่อปานได้เอาชิ้นหมูเสียบกับไม้ แกว่งล่อเอาเสือที่ตกลงน้ำต่อหน้าพระพักตร์ หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าหลวง มีรับสั่งถามว่า “ที่แจกเครื่องรางเป็นรูปเสือมีความหมายอย่างไร?” หลวงพ่อปานทูลตอบว่า “ได้ไปรุกขมูลธุดงค์ในป่า พบเสือใหญ่หลายครั้ง ได้สังเกตดูเห็นว่า “เสือ” เป็นสัตว์ปราดเปรียว ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะ และอำนาจ สามารถที่จะใช้ตาสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ คนทั่วไปเรียกผู้ร้ายใจฉกรรจ์ว่า “ไอ้เสือ” ก็คือเอาความเก่งกาจของเสือมานั่นเอง การที่ทำเครื่องรางรูปเสือ มิใช่จะสนับสนุนให้คนกลายเป็น “อ้ายเสือ” เพียงแต่ต้องการเอาลักษณะของเสือจริงในป่า ที่ปราดเปรียว ว่องไว เฉลียวฉลาด เฉียบขาดมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น” พระพุทธเจ้าหลวงทรงพระราชทานผ้าไตร ผ้ากราบ และได้พระราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ” ในพระราชนิพนธ์เรื่อง “เสด็จประพาส มณฑลปราจิณ” ได้เล่าถึงหลวงพ่อปานความตอนหนึ่งว่า “คุณวิเศษที่คนเลื่อมใสคือ ให้ลงตะกรุด ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากคือ เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบๆ …. เวลาแย่งชิงก็ขึ้นไปถึง 3 บาท ว่า 6 บาทก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก” การพิจารณาเสือหลวงพ่อปานต้องดูที่ รูปทรง ศิลป์ ฟอร์มการแกะ ความเก่าตามธรรมชาติของเขี้ยว แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “รอยจาร” หรือลายมือของหลวงพ่อปานเป็นสำคัญ การจดจำลายมือหลวงพ่อปานนั้นสำคัญมากที่สุด จากนั้นค่อยพิจารณาถึงศิลป์การแกะของช่าง หากจะแบ่งเสือหลวงพ่อปานแบบลึกๆนั้น สามารถแบ่งได้เป็น 6 อย่างคือ 1)อ้าปากจารปกติ 2)หุบปากจารปกติ 3)ศิลป์วัดกลางหรือศิลป์ชาวบ้าน 4)อ้าปากจารขน 5)หุบปากจารขน และ6)ศิลป์พิเศษ หรือเสือตาเม็ด หรือเสือตาเนื้อ ส่วนลักษณะพิเศษเพิ่มเติมของเสือเช่น หางดาบ หางกริช หางเอส หางกริช มีไข่ (แกะแบบมีลูกอัณฑะ) ฯลฯ... กราบบูชาบารมีหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย ขอบารมีหลวงพ่อปานแผ่กว้างไพศาล สาธุ สาธุ สาธุ
********************************************************