แม็กกาซีนพระ บทความและสาระความรู้

หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ท่านจารอะไรลงบนเสือ : วิทยา เสือปิดตา
19 พฤศจิกายน 2568    57,671

สรุปสั้น ๆ : ก้นเสือของหลวงพ่อปานแบบเขี้ยวรูมาตรฐาน เมื่อหันหน้าเสือขึ้นฟ้า จะมีการจารอักขระไว้ 3 ตำแหน่งหลัก คือ 1) ยันต์ “อุ” อยู่ด้านบนรู 2) ยันต์ “กอหญ้า” อยู่ซ้าย–ขวาของรู 3) ยันต์ “ฦ ฦา” (อ่านว่า ฤ “รึ”, ฤา “รือ”) อยู่ด้านล่างของรู ซึ่งถือเป็นหัวใจของการพิจารณา “รอยจารแท้” ของหลวงพ่อปาน

สารบัญ

ยันต์ที่จารบนก้นเสือเขี้ยวรูของหลวงพ่อปาน

หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ยท่านจารอะไรลงบนเสือ? จากตัวอย่าง “ก้นเสือแบบเขี้ยวรู” (เขี้ยวรู คือ เขี้ยวเสือที่ตัดมาทั้งฟัน มีรูประสาทฟันอยู่ตรงกลาง) การจารยันต์อักขระต่าง ๆ จะเป็นการเขียน ภาษาขอม หากอ่านขอมได้ก็สามารถอ่านยันต์ออกทุกตัว

ตัวอย่างก้นเสือเขี้ยวรู หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย

ตัวอย่างก้นเสือเขี้ยวรู หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย

ก้นเสือของหลวงพ่อปานแบบเขี้ยวรูมาตรฐาน เมื่อหันหน้าเสือขึ้นฟ้า จะมีการเขียนยันต์โดยปกติอยู่ 3 ตัว ตำแหน่งชัดเจนดังนี้

  1. ยันต์ “อุ” หรือ “อุโองการ” อยู่ด้านบนของรู
  2. ยันต์ “กอหญ้า” อยู่ข้างรูเขี้ยวทั้งซ้ายและขวา (สันนิษฐานว่าเป็นยันต์ตัวเฑาะว์ลดรูป)
  3. ยันต์ “ฦ ฦา” อ่านว่า ฤ “รึ”, ฤา “รือ” อยู่ด้านล่างของรู (สันนิษฐานว่าเป็นยันต์บูชาครูบาอาจารย์/ครูฤาษี)

เขี้ยวรู vs เขี้ยวซีก และลักษณะก้นเสือแต่ละแบบ

ตัวอย่างการเขียนยันต์เสือหลวงพ่อปานจากเขี้ยวเสือ

ตัวอย่างเสือแกะจากเขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน

การนำเขี้ยวมาแกะเสือหลวงพ่อปาน โดยมากจะใช้ เขี้ยวครึ่งเขี้ยว คือส่วนที่อยู่ในเหงือก (ต่างจากเสือแกะของหลวงพ่อนก วัดสังกะสี ที่มักแกะเต็มเขี้ยว)

ความหมายของ “เขี้ยวรู” และ “เขี้ยวซีก”

ลักษณะตัวอย่างเขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน ตัวอย่างเขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน รู เขี้ยวซีกกลม เซียกเหลียม

เปรียบเทียบเขี้ยวรู และเขี้ยวซีก ที่ใช้แกะเป็นเสือ

  • เขี้ยวรู คือ เขี้ยวเสือที่มีรูประสาทฟันทะลุจากก้นถึงหัว นำเขี้ยวเต็มมาหั่นครึ่งแล้วแกะเป็นเสือ จะเห็นรูชัดเจนที่ก้นเสือ
  • เขี้ยวซีก คือ การนำเขี้ยวรูมาแบ่งอีกทีแล้วแกะเป็นเสือ มักหลบรูเขี้ยว ทำให้ตัวเสือออกมาเล็กและผอมกว่า มีทั้งก้นกลมและก้นสี่เหลี่ยม ขึ้นกับเนื้อเขี้ยวที่เหลือและฝีมือช่าง

เปรียบเทียบเขี้ยวรู และเขี้ยวซีก ที่ใช้แกะเป็นเสือซีก หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย

ตัวอย่างก้นเสือแบบเขี้ยวซีก พร้อมลายจารหลากหลายแบบ

ลักษณะการจารก้นเสือแบบเขี้ยวซีก

ก้นเสือของหลวงพ่อปานแบบเขี้ยวซีก จะพบลายจารหลัก ๆ อยู่ 3 แบบ (อาจต่างกันตามพื้นที่และหลวงพ่อที่เมตตาลงจารให้)

  1. ลักษณะที่ 1 มียันต์ “กอหญ้า” เพียงอย่างเดียว (พบมากที่สุด สันนิษฐานว่าเป็นยันต์ตัวเฑาะว์ลดรูป)
  2. ลักษณะที่ 2 มียันต์ “กอหญ้า” + ยันต์ “ฦ ฦา” อ่านว่า ฤ “รึ”, ฤา “รือ” (สันนิษฐานว่าเป็นยันต์บูชาครูบาอาจารย์/ครูฤาษี) พบเห็นได้น้อยกว่าแบบแรก
  3. ลักษณะที่ 3 มียันต์ “กอหญ้า” + ยันต์ “ฦ ฦา” + ยันต์ “อุ” ถือเป็นการจารก้นเสือครบสูตร หายากมาก พบเจอไม่เกินสิบตัว

หลักการพิจารณาเสือหลวงพ่อปานแท้

ตัวอย่างลักษณะแต่ละแบบของ ลายมือจารบนเสือหลวงพ่อปาน

ลายจารบนตัวเสือและก้นเสือ คือหัวใจของการพิจารณา

หัวใจสำคัญที่สุดของการพิจารณา คือ “รอยจาร” หรือ ลายมือหลวงพ่อปาน จากนั้นจึงค่อยดูรูปทรง ศิลป์ ฟอร์มการแกะ และความเก่าตามธรรมชาติของเขี้ยว

ตำแหน่งยันต์ใต้ฐานก้นเสือ (แบบมาตรฐาน)

  • ยันต์ “อุ” อยู่ด้านบน
  • ยันต์ “กอหญ้า” อยู่ซ้าย–ขวา
  • ยันต์ “ฦ ฤา” อยู่ด้านล่าง

สำหรับเสือแบบเขี้ยวซีก โดยมากจะพบเพียงยันต์ “กอหญ้า” ถ้าพิเศษขึ้นมาจึงจะมีการจาร “ฦ ฤา” เพิ่มเข้ามา

บริเวณลำตัวเสือ มักจะจารเป็นตัวเลขไทย และยันต์ “อุ” กระจายตามจุดต่าง ๆ ซึ่งช่วยยืนยันเอกลักษณ์ลายมือของท่าน

การแบ่งศิลป์ของเสือหลวงพ่อปาน (แบบลึก)

หากจะแบ่งเสือหลวงพ่อปานแบบละเอียด สามารถแบ่งได้ 6 ลักษณะหลัก ๆ ได้แก่

  1. อ้าปากจารปกติ
  2. หุบปากจารปกติ
  3. ศิลป์วัดกลาง หรือศิลป์ชาวบ้าน
  4. อ้าปากจารขน
  5. หุบปากจารขน
  6. ศิลป์พิเศษ เช่น เสือตาเม็ด, เสือตาเนื้อ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีลักษณะพิเศษอื่น ๆ ของเสือ เช่น หางดาบ หางกริช หางเอส หางกริชมีไข่ (แกะแบบมีลูกอัณฑะ) เป็นต้น ซึ่งช่วยเพิ่มรายละเอียดในการพิจารณา

สรุปการพิจารณาเสือหลวงพ่อปาน

“สรุปแท้ไม่แท้ อยู่ที่รอยจารลายมือหลวงพ่อปาน”

แม้รูปทรงเขี้ยว สี ความเก่า และศิลป์การแกะจะสำคัญ แต่ท้ายที่สุดแล้วต้องกลับมาดูที่ “ลายมือจาร” ของท่านเป็นหลัก ยิ่งคุ้นเคยกับรูปแบบตัวอักษรขอมที่ท่านเขียน เช่น อุ, กอหญ้า, ฦ ฤา ก็ยิ่งช่วยให้แยกแยะเสือแท้–ไม่แท้ได้แม่นยำมากขึ้น

สำหรับผู้สนใจศึกษาเพิ่มเติมและสะสมเสือหลวงพ่อปาน สามารถติดตามผลงานและบทความเพิ่มเติมได้ที่ คุณวิทยา เสือปิดตา


ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย และที่มาของเสือเครื่องราง

“หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย” หรือ “พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ วัดมงคลโคธาวาส” เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2368 และมรณภาพเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2453 เป็นชาวบางบ่อ ตำบลบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ

ท่านเป็นผู้สร้าง “เสือหลวงพ่อปาน” ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น สุดยอดจักรพรรดิ์แห่งเครื่องรางอันดับ 1 ในชุดเบญจภาคีเครื่องรางของไทย

คุณวิเศษของเสือหลวงพ่อปาน

  • เด่นด้าน มหาอำนาจ และ คงกระพัน
  • ใช้ทาง เมตตามหานิยม–ค้าขาย ก็ได้

ในปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จไปยังตำบลบางเหี้ยเพื่อทรงเปิดประตูน้ำ มีเหตุการณ์ที่เล่าขานว่า หลวงพ่อปานนำชิ้นหมูเสียบไม้แกว่งล่อเสือที่ตกลงน้ำต่อหน้าพระพักตร์ ทำให้พระพุทธเจ้าหลวงมีรับสั่งถามถึงความหมายของเครื่องรางรูปเสือ

หลวงพ่อปานได้ทูลตอบโดยสรุปว่า เสือในป่าจริงเป็นสัตว์ที่ปราดเปรียว ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะและอำนาจ สามารถใช้สายตาสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ การทำเครื่องรางรูปเสือจึงมิใช่เพื่อสนับสนุนให้ใครเป็น “ไอ้เสือ” แต่ต้องการให้เอาคุณลักษณะดี ๆ ของเสือมาเป็นแบบอย่าง

ในพระราชนิพนธ์เรื่อง “เสด็จประพาสมณฑลปราจิณ” ยังกล่าวถึงหลวงพ่อปานตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ชาวบ้านนิยมกันมากคือ เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบ ๆ บางครั้งมีการแย่งชิงกันจนราคาขึ้นสูงถึง 3–6 บาท เมื่อได้รูปเสือแล้วจึงนำไปให้พระครู (หลวงพ่อปาน) ทำพิธีปลุกเสกให้