หนุมาน หน้าโขน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุล นนทบุรี

หลวงพ่อสุ่น จันทโชติ หรือ พระอธิการสุ่น แห่งวัดศาลากุน ท่านเป็นชาวเกาะเกร็ดโดยกำเนิด ประวัติของท่านนั้นค่อนข้างเลือนราง แต่สันนิษฐานกันว่าท่านน่าจะเกิดประมาณปี พ.ศ.2403-2404 และอุปสมบทในราวปี พ.ศ. 2435 โดยได้ฉายาว่า “จันทโชติ” ซึ่งแปลว่า รุ่งเรืองดุจจันทร์เพ็ญ

หลวงพ่อสุ่นท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับการอารธนาจากบรรดาชาวบ้านให้ขึ้นเป็นพระอธิการเพื่อครองวัด โดยท่านให้ช่างช่างฝีมือนำไม้จากต้นรักซ้อนและต้นพุดซ้อนที่ท่านปลูกไว้และหมั่นรดด้วยน้ำมนต์มาตั้งแต่ท่านยังป็นพระหนุ่มมาแกะเป็นรูปหนุมาน เมื่อรวบรวมได้จำนวนหนึ่งท่านก็นำหนุมานทั้งหมดใส่ลงในบาตรของท่าน แล้วเอาผ้าขาวห่อหุ้มภายนอก เก็บไว้ในกุฎิ ครั้นพอถึงวันเสาร์ท่านก็ให้พระลูกวัดลูกศิษย์ของท่านยกเข้าโบสถ์แล้วทำพิธีบวงสรวงบัดพลี เสร็จแล้วท่านจะปิดประตูหน้าต่างลั่นดานโบสถ์ทั้งหมด เพื่อทำการปลุกเสก และจัดเวรยามไม่ให้ไปรบกวนท่าน ซึ่งท่านจะทำการปลุกเสกทุกๆ วันเสาร์ และเอาไปปลุกเสกต่อในกุฎิเช่นนี้ตลอดมา จนกระทั่งครบถ้วนกระบวนวิธี ท่านจึงนำมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์

ว่ากันว่าการปลุกเสกหนุมานของหลวงพ่อสุ่นนั้นมีความพิเศษเละพิศดารเป็นอย่างมาก โดยก่อนที่ท่านจะลงมือทำการปลุกเสกหนุมาน ในตอนเช้าหลวงปู่สุ่นท่านจะให้ลูกศิษย์ไปตัดต้นไม้ที่มีหนามมาไว้มากๆ ส่วนมากจะเป็นจำพวกต้นไผ่ ต้นมะขามเทศ ต้นพุทรา ส่วนช่วงค่ำท่านก็จะทำวัตรกับพระลูกวัดตามปกติเหมือนทุกวัน หลังจากที่ท่านทำวัตรเสร็จเเล้ว ท่านก็จะเข้าไปในกุฎิประมาณหนึ่งชั่วโมงท่านก็จะออกมาพร้อมกับอุ้มบาตรออกมาเเล้วเรียกลูกศิษย์ให้อุ้มบาตรเข้าไปในโบสถ์ (ท่านกำชับบอกลูกศิษย์ว่าห้ามเปิดบาตรเด็ดขาด ท่านมักพูดลอยๆว่า “ขี้เกียจจับ”) เเละท่านก็จะกลับมานั่งทำวัตรอีกครั้ง เมื่อทำวัตรเสร็จเเล้วหลวงปู่สุ่นท่านก็นั่งหันหลังให้พระประธานเเล้วเอาบาตรตั้งไว้ด้านหน้าจากนั้นก็จะให้ลูกศิษย์นำกิ่งไม้มีหนามที่เตรียมไว้มาสุมไปที่ตัวท่านให้เต็มจนหาทางเข้า-ออกไม่ได้ ท่านก็จะให้ลูกศิษย์ออกจากโบสถ์เเล้วลั่นกลอนปิดประตูโบสถ์ไว้ และห้ามผู้ใดเข้าออก ครั้นเมื่อถึงเวลาประมาณตี 4 ท่านจะเรียกลูกศิษย์ให้เข้าไปในโบสถ์เพื่อเก็บหนุมานที่ท่านปลุกเสกไว้ติดอยู่กับกิ่งไม้เเละหนามที่สุมตัวท่าน ตัวไหนที่หล่นอยู่กับพื้นให้เเยกไว้ต่างหาก ท่านว่ายังใช้การไม่ได้เพราะปลุกไม่ขึ้น จึงไม่แปลกเลยที่หนุมานของท่านนั้นจะมีอานุภาพเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักทั้งในด้านแคล้วคลาดคงกระพัน และยังมีพุทธคุณทางเมตตามหานิยมเป็นอย่างสูง จนได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ในชุดเบญจภาคีเครื่องรางของลังที่เป็นสุดยอดของความหายากและเป็นที่ใฝ่ฝันของนักสะสมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน