พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม กรุเก่า องค์ครู Youtube โทน บางแค

ราคา / สถานะ :
พระโชว์
ชื่อร้าน นะพุทธคุณ
ประเภทร้าน SHOP
เบอร์โทร 0626596295
Line ID 0626596295
จำนวนผู้ชม 9,440
ดูพระทั้งหมดในร้านค้า
ข้อควรระวัง ในการเช่าพระผ่านเว็ปไซต์

ต้องตรวจสอบพระ และ ตกลงเงื่อนไขการรับประกัน ให้เรียบร้อย

หากไม่เคยติดต่อ หรือรู้จักผู้ให้เช่ามาก่อน
แนะนำให้นัดดูองค์จริง

ทางเวปเป็นสื่อกลาง ไม่มีส่วนในการเช่าพระ
กรุงเทพมหานคร 9 พฤษภาคม 2566 16:42 PM
ชื่อพระ :

พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม กรุเก่า องค์ครู Youtube โทน บางแค


รายละเอียดพระ :

พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม กรุเก่า ถือเป็นหนึ่งในสี่พิมพ์หลักพิมพ์มาตรฐานของพระสมเด็จวัดระฆัง ที่เซียนพระนิยมชมชอบที่จะแขวนบูชามาก พูดติดปากกันมาตั้งแต่อดีตว่า “ฐานแซม แซมเงิน แซมทอง” นอกจากจะเป็นพิมพ์เดียวกับสมเด็จวัดระฆังแล้ว องค์นี้ยังมีเนื้อหาจัดจ้านใกล้เคียงวัดระฆังอีกด้วย
เป็นองค์ครูที่ใช้สอนอยู่ใน Youtube อ.โทน บางแค https://youtu.be/s2wsRHczIQQ พระสวยสมบูรณ์ เดิมๆเต็มองค์ ไม่มีหักกลาง มีเพียงซ่อมเก่าเล็กๆที่มุมกรอบพระเท่านั้น เนียนมากดูไม่ออก และไม่โดนองค์พระ ถือว่าสวยสมบูรณ์มากสำหรับพระบางขุนพรหมกรุเก่าอายุร้อยกว่าปี ที่ส่วนมากเกิดการแตกหักเสียหายในขณะก่อนและหลังนำออกมาจากกรุ พระเจ้าของเก่าเดิม เลี่ยมเปิดหลังแบบโบราณใช้มา มีความหนึกนุ่มแท้ดูง่ายสบายตา พิมพ์ทรงชัดเจน องค์จริงสวยมาก ราคาล้านกว่าๆเท่านั้นเอง สำหรับพิมพ์บนๆของพระสมเด็จบางขุนพรหมอย่างนี้ น่าเช่าบูชาและเก็บสะสมที่สุด รับรองไม่ผิดหวังครับ

วัดบางขุนพรหมหรือวัดใหม่อมตรส เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแต่ครั้งกรุงธนบุรี สมัยก่อนวัดบางขุนพรหมมีอาณาเขตกว้างขวาง แต่ต่อมามีการตัดถนนผ่านวัดจึงได้แยกออกเป็นสองวัด คือวัดบางขุนพรหมใน กับ วัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งต่อมาก็คือวัดอินทรวิหาร ของหลวงปู่ภู นั่นเอง ต่อมาในสมัย ร.3 ได้มีการปฏิสังขรณ์โดย พระองค์เจ้าอินทร์ แต่ก็เกิดมีกบฏเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทร์ พระองค์เจ้าอินทร์ต้องเข้าร่วมศึก วัดจึงถูกทิ้งให้ทรุดโทรม ในกาลต่อมา เสมียนตราด้วง(ต้นตระกูล ธนโกเศศ) ได้รับช่วงต่อในการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดต่อจากพระองค์เจ้าอินทร์ ประกอบกับในขณะนั้น #ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตได้มาพำนักที่วัดบางขุนพรหม ทำให้เป็นที่ศรัทธาของเจ้าบ้านในละแวกนั้น รวมถึงเสมียนตราด้วงก็ด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ในช่วงชีวิตของสมเด็จโตท่านไม่ได้พำนักอยู่ที่วัดบางขุนพรหมตลอด แต่ก็ไปไปมามาระหว่างวัดระฆังกับวัดบางขุนพรหม มูลเหตุสำคัญในการสร้างพระก็เพราะเสมียนตราด้วงมีความคิดที่จะสร้างพระสมเด็จบรรจุในเจดีย์เพื่อสืบทอดศาสนา จึงได้ปรึกษากับสมเด็จเจ้าพระคุณและได้รับความเห็นชอบด้วย ได้มีการแกะแม่พิมพ์ขึ้นทั้งหมด คือ 1.พิมพ์ใหญ่ 2.พิมพ์เส้นด้าย 3.พิมพ์ฐานแซม 4.พิมพ์ฐานคู่ 5.พิมพ์สังฆาฏิ 6.พิมพ์เกศบัวตูม 7.พิมพ์ทรงเจดีย์ 8.พิมพ์อกครุฑ(เซียนสมัยก่อนเรียกพิมพ์นี้ว่าพิมพ์ไกเซอร์) 9.พิมพ์ปรกโพธิ์ 10.พิมพ์ไสยาสน์ นอกจากนี้ยังมีอีกพิมพ์หนึ่งซึ่งเป็นพิมพ์พิเศษคือ พิมพ์ฐานสิงห์

พระสมเด็จบางขุนพรหม สร้างโดยพระสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ในปี2411 ใช้เวลา2ปีในการรวบรวมมวลสารสำคัญต่างๆรวมถึงกดพิมพ์สร้างเพื่อให้ครบตามจำนวน84,000องค์ตามพระธรรมขันธ์ และบรรจุภายในพระเจดีย์ตามฤกษ์ จากหลักฐานที่ปรากฎพบเมื่อมีการเปิดกรุ ปรากฎว่ามีพระสมเด็จวัดระฆังและพระสมเด็จวัดเกศไชโย บรรจุรวมอยู่ด้วย

การจัดจำแนกพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ออกเป็นพระกรุเก่า และพระกรุใหม่ นั้น สืบเนื่องมาจาก เมื่อครั้งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต สร้างพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม และบรรจุกรุพระเจดีย์เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ประชาชนพลเมืองได้ทราบข่าวและบอกเล่าสืบต่อๆ กันมาว่า ที่พระเจดีย์ใหญ่กลางวัดบางขุนพรหมมีพระสมเด็จซึ่งสร้างโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ บรรจุอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ คือ “อหิวาตกโรค” สมัยก่อนเรียกว่า “ห่าใหญ่” ระบาดทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากมายมหาศาล ศพกองเป็นภูเขาเลากาอยู่ที่วัดสระเกศ เผาตลอดรุ่งยันค่ำไม่หมดสิ้น จนเรียกป่าช้าวัดสระเกศว่า "ป่าช้าผีดิบ" เล่ากันว่าผีดุมาก และด้วยบารมีในท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านได้ไปเข้าฝันชาวบ้านว่า ใครที่มีพระสมเด็จฯ ของท่านให้อาราธนาเอาแช่ลงทำน้ำมนต์ดื่มกินจะสามารถป้องกันและรักษาโรคห่าได้ หลังจากเหตุการณ์ในครั้งกระนั้นผ่านพ้นไป ปรากฏว่ามีผู้คนต่างพากันแสวงหาพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตารามทวีมากยิ่งขึ้น จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระสมเด็จวัดระฆังฯ องค์หนึ่งเป็นเงินเป็นทองขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อต่างคนต่างแสวงหาพระสมเด็จวัดระฆังฯ กัน และก็หาได้ยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ พอทราบข่าวว่าพระสมเด็จของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ มีบรรจุอยู่ในพระเจดีย์ที่วัดบางขุนพรหมเช่นกัน ก็อยากได้มาบูชาแต่จนด้วยปัญญา เพราะถูกบรรจุอยู่ในพระเจดีย์แน่นหนา จะทำอย่างไรล่ะจึงจะได้บ้าง เกิดมีคนสมองใสเอาก้อนดินเหนียวพอหมาดๆ ผูกติดกับปลายเชือกแล้วหย่อนลงไปตามช่องลมของพระเจดีย์ให้ตกไปยังก้นกรุที่บรรจุพระสมเด็จฯ เอาไว้ คนโชคดีพอสาวเชือกขึ้นมาพระสมเด็จฯ ก็จะติดก้อนดินขึ้นมาด้วย เขาเรียกกันว่า "การตกพระสมเด็จฯ" ครั้งแรกๆ ทางวัดบางขุนพรหมยังไม่ได้ห้ามไม่ได้หวงแต่อย่างใด ใครใคร่ตกก็ตกกันไป มีการทำบุญให้วัดตามแต่ศรัทธา แต่นานวันเข้าข่าวการตกพระสมเด็จฯ แพร่กระจายออกไป ก็ยิ่งมีผู้คนเดินทางมากันมากยิ่งขึ้น ถึงกับจุดตะเกียงเจ้าพายุและมีพ่อค้าแม่ขายมาตั้งหาบขายอาหารเป็นงานเอิกเกริกจนมากเกินไป ทางวัดจึงต้องจัดการห้ามเสีย และจัดการทำอาณาเขตห้ามคนเข้ามาตกอีกต่อไป ซึ่งก็เป็นเวลาที่ปล่อยให้ล่วงเลยมาหลายต่อหลายปี และไม่ทราบว่าพระสมเด็จฯ ที่ชาวบ้านเขาตกกันขึ้นไปนั้นมีจำนวนมากมายสักเท่าไหร่ เราเรียกพระสมเด็จฯ ที่ได้จากการตกในครั้งนั้นว่า "พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม กรุเก่า" ซึ่งจะมีลักษณะของขี้กรุเป็นฟองเต้าหู้หรือมีฝ้าบางๆ เท่านั้น จะไม่ปรากฏขี้กรุครอบคลุมหนาเตอะเต็มไปหมด หรือพูดตามภาษาชาวบ้านก็ว่า ผิวพระจะดูเกลี้ยงเกลา

จนเมื่อมาถึงก่อนปี พ.ศ.2500 ปรากฏว่ามีคนร้ายลักลอบขุดกรุพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ได้พระสมเด็จฯ ไปเป็นอันมาก ทางวัดพิจารณาเห็นว่า หากขืนปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้สืบไป พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมคงหมดไปจากกรุเป็นแน่แท้ จึงดำเนินการเปิดกรุอย่างเป็นทางการ โดยเรียนเชิญ จอมพล ประภาส จารุเสถียร เป็นประธาน ปรากฏว่าได้พระสมเด็จฯ จำนวนมาก มีทั้งที่สมบูรณ์ไม่หักไม่ชำรุดจำนวนหนึ่ง และอีกจำนวนหนึ่งเป็นพระที่หักและชำรุด จากนั้นทางวัดได้นำพระสมเด็จฯ ใส่ซองปิดผนึกนำออกให้บูชา เพียงองค์ละหนึ่งพันกว่าบาทเท่านั้น พระที่ได้จากการเปิดกรุนี้เรียกกันว่า "พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม กรุใหม่" ซึ่งจะมีลักษณะพิเศษคือ จะปรากฏขี้กรุเป็นสีน้ำตาลแก่ และมีคราบดินเกาะครอบคลุมองค์พระอยู่ทั่วไป ขี้กรุสีน้ำตาลนั้นสันนิษฐานว่า เกิดจากการที่ปี พ.ศ.2485 ซึ่งน้ำท่วมใหญ่ และท่วมกรุพระเจดีย์วัดบางขุนพรหมเป็นระยะเวลานานมาก ทำให้พระสมเด็จฯ ในกรุต้องแช่น้ำผสมผสานกับดินเหนียวที่ตกหล่นอยู่ในกรุตลอดช่วงระยะเวลาที่มีการตกพระสมเด็จฯ จึงเป็นเหตุให้เกิดขี้กรุสีน้ำตาล อีกทั้งเกิดจาก “คราบกรุสีน้ำตาล” หรือ “ขี้กรุน้ำมันตังอิ๊ว” ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว เคล็ดลับสำคัญอีกประการหนึ่งอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม กรุใหม่ คือ เนื้อในขององค์พระมักจะปรากฏเป็นโพรงอากาศภายในองค์พระ บางองค์เมื่อนำไปเอ็กซเรย์จะดูเหมือนมีรอยอุดรอยซ่อมทั่วทั้งองค์

พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม เป็นที่ทราบกันว่าเป็นพระที่บรรจุในกรุ ดังนั้นเมื่อผ่านกาลเวลายาวนานจึงมักจะเกิดคราบกรุ บางองค์จะมีคราบกรุหนามากจนองค์พระทั้งองค์ บางองค์ก็จะมีคราบกรุน้อยจนกระทั่งเกือบไม่ปรากฏคราบกรุเลย บางองค์มีคราบกรุจับหนาและเกาะติดกันเป็นสององค์หรือสามองค์ หรือกระทั่งมีบางองค์ยึดติดกันเป็นก้อนกลมเหมือนลูกตะกร้อขนาดใหญ่ ต้องใช้กรรมวิธีที่ยากเย็นที่สุดค่อยๆ แยกพระสมเด็จฯ ให้ออกจากกันโดยไม่ทำให้องค์พระชำรุดเสียหาย คราบกรุของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม แบ่งออกตามสภาพใหญ่ๆ คือ คราบกรุสีน้ำตาล คราบกรุฟองเต้าหู้ คราบกรุเป็นเม็ดหรือเม็ดทราย และคราบกรุเป็นคราบดินในกรุพระเจดีย์

พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมส่วนใหญ่จะบรรจุลงในกรุพระเจดีย์วัดใหม่อมตรส ซึ่งในสมัยโบราณการสร้างพระเจดีย์ยังคงใช้ระบบโบราณ คือก่อด้วยอิฐดินเผาโดยรอบ ภายในใช้ไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแกร่งค้ำยันกำแพงภายในให้แข็งแรง เพราะฉะนั้นเมื่อสร้างพระเจดีย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ภายนอกฉาบปูนทาสีและเปิดช่องระบายอากาศไว้เป็นช่องเล็กๆ เพื่อป้องกันมิให้ภายในพระเจดีย์มีความร้อนจัด ทำให้อากาศขยายตัว ขยายตัวจนดันให้กำแพงพระเจดีย์เกิดร้าวและแตกได้ พระที่บรรจุลงส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่างใจกลางพระเจดีย์ บางองค์ก็จะคงค้างอยู่ตามบริเวณไม้ค้ำภายในพระเจดีย์ ในเวลากลางวัน พระเจดีย์จะตากแดดทั้งวันความร้อนแผดเผาและอบ ตกเวลากลางคืนอากาศจะเริ่มเย็นลงและเย็นจัดในเวลาย่ำรุ่งด้วยความร้อนที่อบอ้าวและความเย็นจัดนี่เอง เป็นเหตุให้พระสมเด็จฯ เกิดปฏิกิริยาภายในกรุพระเจดีย์ เวลาร้อนอบอ้าวองค์พระก็จะหดตัวและมีสภาพกรอบ เวลาอากาศเย็นลงจะสร้างความชื้นภายในกรุพระเจดีย์และเพราะภายในกรุพระเจดีย์ไม่มีอากาศถ่ายเท อากาศจะนิ่งอบอ้าว แคลเซียมหรือหินปูนภายในอากาศจะผสมกับความชื้นภายในกรุพระเจดีย์กลายเป็นหินปูนจับอยู่บนองค์พระ ความหดตัวเพราะความร้อนนี้เอง ทำให้น้ำมันตังอิ๊วที่ผสมอยู่ในมวลสารที่นำมา สร้างองค์พระ กลั่นเป็นเม็ดน้ำมันสีน้ำตาล มากบ้างน้อยบ้างตามธรรมชาติ เมื่อผสมกับหินปูนในอากาศกลายเป็นขี้กรุสีน้ำตาลและแข็งตัวกับหินปูนเราเรียกว่า “คราบกรุสีน้ำตาล” หรือ “ขี้กรุน้ำมันตังอิ๊ว” อันเป็นเอกลักษณ์ของขี้กรุพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมที่สำคัญประการหนึ่ง จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม มักจะงอกออกมาจากภายในองค์พระ ลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ น้อยบ้างมากบ้าง พระสมเด็จฯ บางองค์มีขี้กรุน้ำมันตังอิ๊วงอกออกมาเต็มทั้งองค์จนมองไม่เห็นองค์พระเลย คราบสีน้ำตาลนี้จะมีคุณสมบัติที่แข็งเหมือนหินแต่มีลักษณะที่เหนียว เวลากรอขี้กรุสีน้ำตาลออกจะเห็นเนื้อขี้กรุสีน้ำตาลฝังอยู่ภายในเนื้อเรียกว่า “ขูดไม่หมด” เพราะฉะนั้น พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมที่มีความลึกดีเรียบร้อยไม่มีขี้กรุ แต่จะเห็นผิวบางๆ เป็นสีน้ำตาลเข้มฝังอยู่บนผิวขององค์พระ ย่อมหมายถึงองค์พระมีการปอกผิวขี้กรุออกให้ดูเรียบร้อย ในสมัยโบราณพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม มักจะมีการโกนหรือขูดขี้กรุออกเพื่อให้ดูลึกและสวยงาม แต่ในปัจจุบันนักนิยมพระจะไม่นิยมตบแต่งพระเท่าที่ควร มักจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

“คราบกรุฟองเต้าหู้” เป็นคราบกรุอีกอย่าง ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ ฟองเต้าหู้มีครบเต็มทั้งองค์พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม บางองค์จะให้ช่างซ่อมพระทำการลอกผิวกรุฟองเต้าหู้ออกทั้งองค์เพื่อให้องค์พระดูลึกและคมชัดยิ่งขึ้น ก็อีกเช่นกันวงการนักนิยมพระก็จะถือว่าเป็นพระที่ตบแต่งเช่นกัน คราบฟองเต้าหู้นี้ เกิดจากคราบหินปูนในอากาศตกลงมาห่อหุ้มบนองค์พระและจับตัวแข็งกรอบเป็นแผ่นคราบฟองเต้าหู้ บางองค์ก็มีเป็นคราบทั้งองค์ บางองค์จะมีเป็นบางแห่งหรือผสมกับขี้กรุสีน้ำตาล หรือบางองค์ก็จะผสมไปเสียหมดทุกจุดเช่นมีบางจุดเป็นฟองเต้าหู้ หรือบางจุดเป็นดินขี้กรุเป็นต้น
“คราบกรุเป็นเม็ด” คราบกรุบางองค์เป็นเม็ดเล็กๆ เหมือนเม็ดทรายแต่บางชนิดก็เป็นเม็ดโต ซึ่งเกิดจากฟองอากาศ หินปูนที่ตกลงบนผิวพระและจับตัวกับหยดน้ำ เมื่อแข็งตัวจะแข็งเป็นเม็ดทราย ถ้า “คราบกรุเม็ดทราย”ที่สม่ำเสมอและเป็นเม็ดเล็กๆ จะดูสวยงามมากสภาพของขี้กรุเป็นเม็ดจะแข็งและมักจะไม่ปรากฏมีการขูดตบแต่งใดๆ
“คราบดิน” คือจะเป็นคราบดินภายในใต้กรุพระเจดีย์เมื่อผสมกับคราบหินปูนในอากาศที่ตกลง ผสมกับดินจับบนพระสมเด็จฯ จะมีลักษณะค่อนข้างแข็งและมีสีดินจับอยู่ทั้งองค์หรือเกือบทั้งองค์ ดินที่ผสมกับหินปูนจะมีเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่เหมือนดินทั่วไป อันเป็นเอกลักษณ์ของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม

BRIDGESTONE ลด 15% ที่ YELLOWTIRE.COM

เราคัดสรร พระเด่น พระดี ระดับคุณภาพ มากกว่า 100,00 รายการมารวมไว้ ที่นี่!!

พระเครื่องในร้าน
พระเครื่องที่คล้ายกัน

แม็กกาซีนพระ เรารวมสาระความรู้ และ บทความเกี่ยวกับพระที่น่าสนใจ